ในวันนี้ Viewmov จะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับหนังเรื่อง Life เป็นหนังเก่า แนวตลก ดราม่า เล่าเรื่องราวชีวิต ของชายหนุ่มทั้งสองคน เรย์ และ คล็อด ที่ถูกกล่าวหาว่า ได้ฆ่าคนตาย โดยเจตนา พวกเขาทั้งคู่ ถูกตัดสินคดีความอย่างไร้ความยุติธรรม ถูกโทษจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งจริงๆแล้ว พวกเขาไม่ได้ทำ แถมพวกเขา ยังเป็นคนผิวสีอีก เลยทำให้โดนเหล่าคนผิวขาวกลั่นแกล้ง ศาลเห็นว่าคนผิวสี ติดคุกเพิ่มมาอีก 2 คน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร แล้วพวกเขา จะเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ไปได้อย่างไร และใคร คือคนที่อยู่เบื้องหลัง เหตุการณ์ในครั้งนี้ ต้องมาติดตามความจริงกัน เอาหล่ะใครพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลยจ้า
นักแสดง Life : Eddie Murphy (เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่) รับบทเป็น เรย์ และ Martin Lawrence (มาร์ติน ลอว์เรนซ์) รับบทเป็น คล็อด
เริ่มเรื่องมา ในปี 1932 ณ ที่บาร์สเปรงกี้ เรย์ ซึ่งเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ เขาได้มาพบเจอกับ คล็อด ในห้องน้ำ และทำเนียนว่า เคยรู้จักกับคล็อดมาก่อน เรย์เข้าไปกอดคล็อด
และจากนั้น เขาก็แอบขโมย กระเป๋าสตางค์ ของคล็อด ติดมือออกมาด้วย เรย์เดินออกมา จากห้องน้ำได้ไม่นาน ก็มีชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาจับตัวเรย์ไปให้นายใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าของบาร์แห่งนี้ด้วย เรย์แอบขาย หวยเถื่อน แถวนั้น ล้ำเขตของแก๊งพวกมัน
ตัดภาพมาที่หลังร้าน ซึ่งในตอนนี้มี เรย์ กับ คล็อด โดนจับตัวมา 2 คน คล็อดโดนจับมาด้วย เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารที่เขากิน สเปรงกี้มาถึงหลังร้าน เลยสั่งให้ลูกน้อง จับคล็อดกดน้ำ จนกว่ามันจะสำนึก ส่วนเรย์เขาเดินเข้าไปถามเรย์ว่าจะให้เขาเอายังไง เรย์ขอโอกาสแก้ตัว เรย์เอาเหล้าเถื่อน ให้สเปรงกี้ดู เรย์บอกว่า “ฉันกำลังจะขายเหล้า นายอยากจะเป็นหุ้นส่วนกับฉันไหม ฉันขอแค่รถกระบะ กับคนขับรถ และเงินทุนนิดหน่อย ฉันก็จะไปรับมันมาได้ใน 2-3 วันนี้ ถ้าทำได้ เราจะรวยกันอย่างแน่นอน” สเปรงกี้คิดสักพัก และเขาก็ตกลงบอกว่า ถ้านายคิดหักหลังฉันอีกละก็ นายได้ตายจริงๆแน่ ส่วนลูกน้องฉันหน่ะ เดินไปเลือกเอาเลยคนนึง เรย์ติดสินใจเดินไปเลือก คล็อด ที่กำลังโดนจับทรมานอยู่ เพราะเรย์สงสาร หากไม่ช่วยคล็อด เขาได้ตายจริงๆแน่นอน สเปรงกี้ก็ไม่ได้ห้าม ตามใจนายแล้วกัน
หลังจากนั้นทั้งคู่ ก็ได้ทำงานร่วมกันแบบงงๆ และได้เดินทางไปยัง มิสซิสซิบปี้ เพื่อไปเอาเหล้าเถื่อน เมื่อถึงที่หมาย ทั้งคู่ก็ขนของขึ้นหลังรถกระบะ แต่ในระหว่างนั้น ใกล้ๆแถวที่พวกเขาอยู่ มีงานคอนเสิร์ตจัดอยู่ข้างๆ พวกเขาทั้งคู่ เลยเลือกลงไปแวะเที่ยว ที่งานนั้นหน่อยแปบนึง และเหตุการณ์ที่พลิกชีวิตของพวกเขาก็เกิดขึ้น เมื่อเรย์ไปเล่นไพ่โป๊กเกอร์ กับ แฮนค็อก เขาเป็นคนในเมืองแถวนั้น สุดท้ายเขาก็โดนโกงจนหมดตัว แถมเรย์ยังเอา นาฬิกา สุดรักที่พ่อให้เขาเอาไว้ ไปเดิมพันอีก ทีนี้เลยหมดตัว ไม่มีอะไรเหลือ
ในระหว่างที่ แฮนค็อก กำลังจะเดินกลับบ้าน เขาหยิบนาฬิกา ที่โกงเรย์ขึ้นมาดู มันสวยมาก จนเขาไม่อาจละสายตาได้ สักพักมี นายอำเภอไพค์ พร้อมลูกน้อง 3-4 คน เขาเป็นคู่อริของแฮนค็อก เขาเดินเข้ามาเพื่อที่จะหาเรื่อง แฮนค็อกถูกกระบองฟาดไปที่ขาจนล้ม และแฮนค็อกก็เอาปลายร่ม ฟาดเข้าไปที่หน้าไพค์ ทำให้ไพค์โกรธมาก จึงพาแฮนค็อก ไปซ้อมจนแฮนค็อกตาย ในตรอกซอยข้างๆ และไพค์ก็ได้เอานาฬิกา ของเรย์ไปอีกด้วย และพวกเขาก็หนีเดินจากไป
ซึ่งความซวยก็มาเยือน เมื่อทั้งคู่ เรย์กับคล็อด กำลังจะเดินกลับไปที่รถ เขาเดินมาเจอแฮนค็อก ที่นอนตายอยู่ตรงพื้น พวกเขาเดินเข้าไปจับชีพจรดู พบว่าแฮนค็อกตายไปแล้ว ในระหว่างนั้นชาวบ้านก็เดินเข้ามาเจอ เรย์ กับ คล็อด ที่ยืนอยู่กับศพ พวกชาวบ้านเข้าใจผิดคิดว่า เขาสองคนฆ่าแฮนค็อก เลยจับตัวส่งตำรวจ ทีนี้ นายอำเภอไพค์ ก็รอดตัวไป โชคดีที่มีแพะมาเป็นตัวตายตัวแทนของเขา และทั้งคู่ เรย์ กับ คล็อด ก็ถูกศาลตัดสินให้โดนโทษจำคุกตลอดชีวิตในทันที ซึ่งศาลเห็นพวกเขาเป็นคนผิวดำด้วย เลยไม่ไตร่ตรองให้ดี ในยุดนั้นคนผิวดำ มักจะถูกคนผิวขาว กลั่นแกล้งแทบทุกทาง เรย์ และ คล็อด ยืนกรานว่า พวกเขาไม่ได้ทำ แต่พวกเขาก็ไม่หลักฐานในการเอาตัวรอด จากเรื่องนี้ เลยทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่จำใจ ถูกส่งตัวไปที่เรือนจำ
ณ ที่เรือนจำ เรย์ และ คล็อด ต้องทำงานหนัก ตากแดด ตากฝน พวกเขาคิดแผนหนีขึ้นมาครั้งแรก หลังจากอยู่ในเรือนจำได้ไม่กี่วัน พวกเขาได้หนีไป ในตอนกลางคืน หนีไปจนเกือบจะ ถึงชายแดนเขตเรือนจำ พวกเขาก็ถูกผู้คุมเรือนจำ มาดักรอพวกเขาอยู่แล้ว และถูกจับตัว ส่งกลับไปขังคุกห้องมืด
ตัดภาพมา 12 ปีต่อมา พวกเขาก็ยังหนีไม่สำเร็จ ในช่วงนั้น คล็อด เป็นคนสอนให้เพื่อนๆในคุกได้เล่น เบสบอล กันเป็นแทบทุกคน แต่ก็ไม่มีใครที่มีพรสวรรค์ด้านนี้เลยสักคน จนมาถึงนักโทษใหม่ที่ชื่อ แคนท์เก็ทไรด์
เขาเป็นใบ้พูดไม่ได้ แต่พอมาลองตี เบสบอล ในครั้งแรก เขาก็ทำโฮมรัน ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ คล็อดกับเรย์ช็อคมาก คล็อดให้ลองตีอีกรอบ แคนท์เก็ทไรด์ ก็ไม่ได้ฟลุ๊ค เขาทำโฮมรันได้ต่อเนื่องไม่มีหยุด จากนั้นชื่อเสียงของชายชื่อ แคนท์เก็ทไรด์ ดังไปจนถึงข้างนอกคุก สักพักได้มีแมวมอง เข้ามาเพื่อที่จะดึงตัวแคนท์เก็ทไรด์ ไปเข้าร่วมทีม และจะทำเรื่องอภัยโทษ ให้กับชายใบ้คนนี้ คล็อดกับเรย์จึงเสนอตัวว่า
พวกเขาเป็นคนสอนชายคนนี้เองกับมือ และคุยกับเขารู้เรื่องคนเดียว พวกคุณต้องพาพวกเราออกไปด้วย แต่แมวมองก็ปฏิเสธ จึงจะพาตัวแคนท์เก็ทไรด์ ออกไปแค่คนเดียว
ซึ่งแคนท์เก็ทไรด์ ก่อนเขาจะออกไปเขายังสร้างเรื่องไว้อีก เพราะเขาได้ไปแอบมีอะไรกับลูกสาวของพัศดีของคุกนี้
จนเธอท้องคลอดลูกออกมา พบว่าลูกมียีนส์เป็นคนผิวสี พัศดีเลยอับอายมาก เขาเลยทำเรื่องย้ายไปคุมนักโทษที่คุกอื่นทันที
สักพักทั้งคู่ ก็ได้ทะเลาะกันเอง คล็อด หัวเสียกับ เรย์ มากๆ เพราะเรย์ไม่เคยวางแผนอะไรได้สำเร็จเลย
แถมยังเหมือนกับ ให้ความหวังลมๆแล้งๆแก่คล็อด คล็อดยังโทษเรย์อีกว่า เขาไม่น่ามาเจอกับเรย์ หากไม่เจอกันชีวิตของตัวเขาเองน่า คงจะดีกว่านี้ ส่วนเรย์ก็โมโหว่า ถ้าหากคืนนั้น ที่เขาโดนจบกดน้ำอยู่ แล้วเขาไม่เป็นคนช่วยคล็อดออกมา รับรองได้เลยว่า แกก็คงตายไปแล้วแน่ๆ ไม่ได้มายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้หรอก
แล้วทั้งคู่ก็โกรธกันจริงจังไม่คุยกันยาวนานถึง 28 ปี ซึ่งทั้งคู่ ก็ใช้ชีวิตอยู่ในคุกอยู่แบบนั้น เห็นเพื่อนในคุก ค่อยๆตายลงทีละคน ทีละคน ทั้งเรย์และคล็อด ได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่ได้รู้ว่า
ตัวเองต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของพัศดีคนใหม่ เพราะพวกเขาแก่เกินกว่าที่จะมาทำงานหนักแล้ว ได้ไปทำงานเบาๆ ที่บ้านของพัศดีแทน อารมณ์ประมาณว่า ทำงานบ้าน ปัดกวาดเช็ดถูดูแลบ้านอะไรทำนองนี้
เมื่อทั้งคู่ได้ย้ายเข้ามาทำงาน ในบ้านของพัศดีคนใหม่ที่ชื่อ วิลกินส์ งานก็เบามือมากจริงๆ เรย์ได้ทำงานในสวน ส่วนคล็อดได้ทำงานในบ้าน เช้าวันหนึ่งคล็อดต้องขับรถ พาพัศดีไปรับเพื่อนของเขา เพื่อมาทำกิจกรรมยิงนกในสวนหลังบ้านของพัศดี แล้วจุดพีคของเรื่องก็ได้มาถึง เมื่อคล็อดขับรถไปรับเพื่อนพัศดีคนนั้น คล็อดก็จำหน้าได้ขึ้นมาทันทีว่า ชายคนนั้นคือ นายอำเภอไพค์ ที่ได้ทำเรื่องยัดเยี่ยดความผิด ทำให้คล็อดและเรย์ ต้องติดคุกยาวนานเป็นเวลากว่า 40 ปี
เมื่อเสร็จภารกิจยิงนกที่บ้านพัศดี เรย์หันไปเจอไพค์ที่เอานาฬิกาของพ่อเขาขึ้นมาดู เรย์จำได้ทันทีว่าเป็นเขา เรย์เลยแกล้งถามไปว่า ได้นาฬิกามายังไง ไพค์ก็โกหกบอกว่า เป็นของที่เมียเขาให้มา เรย์ถามประมาณ 40 ปีก่อนถึงรึป่าวครับ ที่แฮนค็อก ฝากรอยแผลไว้บนใบหน้าของคุณ ไพค์ก็จำได้ทันทีเลยว่า เป็นเรย์กับคล็อดที่มาติดคุกแทนเขา จังหวะนั้นเรย์ก็กระชากปืนลูกซองจากมือของไพค์ และหันปลายปืนจ่อไปที่ไพค์แทน
วิลกินส์พัศดี ก็เดินเข้ามาเอาปืนจ่อไปที่ เรย์ และบอกให้เรย์วางปืนลง เรย์ก็เลยฟ้องพัศดีไปเลยว่า “เขานี่แหละที่เป็นคนเอานาฬิกาของพ่อผมไป และเขาก็ใส่ร้ายให้พวกผมติดคุกยาวนานถึง 40 ปี ในข้อหาฆ่าคนตาย ซึ่งพวกผมไม่ได้เป็นคนทำ” วิลกินส์ ได้ยินแบบนั้นก็หันไปถามไพค์ว่าจริงหรือไม่ ไพค์ตอบ “จะเป็นอะไรไป อย่างน้อยที่นี่ก็ได้แรงงานถูกๆตั้ง 40 ปี” คล็อดได้ยินก็เลยของขึ้นแทนเรย์ จังหวะที่ทั้งคู่กำลังแย่งปืนกันอยู่ ไพค์ได้โอกาสเลยหยิบปืนพกที่ซ่อนเหน็บอยู่ในถุงเท้า หวังจะเอาขึ้นมายิงสองคนนี้ ปัง!! พัศดีวิลกินส์กลับเป็นคนปลิดชีวิตของไพค์ ไปในที่สุด เพราะเขาเอาความยุติธรรมเป็นสิ่งแรกเสมอ
จากนั้นพัศดีจึงบอกกับตำรวจที่มาดูศพถึงที่บ้านว่า เป็นอุบัติเหตุเขามาขวางทางปืนของผม ขณะที่ผมยิงนกอยู่ ผมจึงยั้งมือไม่ทัน จากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พัศดีเส้นใหญ่มาก วิลกินส์ก็จะทำเรื่องถอนคดีความให้กับ คล็อดและเรย์ แต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับพวกเขาอีกแล้ว เพราะจู่ๆขณะที่วิลกินส์ เดินไปเข้าห้องน้ำ วิลกินส์ก็เกิดอาการโรคหัวใจกำเริบกระทันหัน เสียชีวิตไปในที่สุด
เรย์และคล็อด ต้องถูกส่งตัวมาที่ เรือนจำบ้านพักคนชรา คราวนี้คล็อดเป็นคนวางแผน ได้อย่างเฉียบคม เรย์ก็เอาด้วย คล็อดไปเอาศพคนที่ตายแล้ว มานอนแทนบนเตียงของพวกเขา หลังจากนั้นคล็อด ก็จุดไฟเผาบ้านพักทั้งหลัง ขณะที่ไฟไฟม้อย่างรวดเร็ว เรย์จึงแกล้งทำเป็นวิ่งเข้าไปในบ้านพัก เพื่อเข้าไปตามคล็อด และไม้ก็ตกลงมาปิดประตูทางเข้าบ้าน ไม่เห็นพวกเขาทั้งคู่อีกเลย
สุดท้ายหนังก็เฉลยว่า จังหวะที่บ้านไฟไหม้ พวกเขาหนีออกมาทางหลังบ้าน และหนีรอดออกมาได้ทั้งคู่ ส่วนเรื่องที่ตำรวจจะตามหาพวกเขานั้นคงไม่ตามหาอีกแล้ว เพราะมีพยานเกือบร้อยคนเห็นแบบเดียวกันว่า ตอนที่บ้านไฟไหม้ คล็อดยังนอนอยู่บนเตียง ส่วนเรย์ก็วิ่งเข้าไปในบ้านพัก เพื่อไปตามคล็อด คนอื่นคิดว่าทั้งคู่ ถูกไฟไหม้ตายทั้งเป็น แถมศพที่พวกตำรวจเห็น ก็คงคิดว่าเป็นศพของพวกเขาทั้งสองคน แต่จริงๆแล้วมันเป็นศพคนอื่น ซึ่งเปลวไฟได้มอดไหม้จนไม่สามารถดูได้เลยว่า รูปลักษณ์ของศพตรงกันหรือไม่ ทำให้พวกเขาถูกมองว่า โดนไฟไหม้ตายไปแล้วทั้งคู่ แล้วทั้งคู่ก็หนีรอดออกมาได้สำเร็จ
หากใครสนใจอยาก ดูหนังเก่า เรื่อง Life แบบเต็มๆ ก็สามารถไปหาดูกันได้เลยนะครับ
กำกับโดย : Ted Demme
หนังฉายเมื่อ : 16 เมษายน 1999 (พ.ศ.2542)
ความยาวหนัง : 109 นาที
คะแนนรีวิว : 8/10