ในวันนี้ Viewmov จะพาทุกคนมา สปอยหนัง เรื่อง Maze เป็นหนังเก่า ในปี 2017 ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้สร้างจากเรื่องจริง เป็นหนังแนวประวัติศาสตร์ ของประเทศไอร์แลนด์ และยังเป็นภาคต่อ จากเรื่อง Hunger หากใครที่ยังไม่ได้ ดูสปอยหนัง เรื่อง Hunger คลิกเข้าไปดูได้เลย
หนังเรื่อง Maze ในภาคนี้ จะเป็นเหตุการณ์อีก 2 ปีต่อมาจากภาคแรก เป็นเรื่องราวของ แลร์รี มาร์เลย์ ซึ่งเขายังเป็น หนึ่งในสามชิกของกลุ่ม IRA ที่คอยต่อต้าน และประท้วงให้ประเทศไอร์แลนด์ แยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร เหมือนใน ภาค 1 ซึ่งเขาไม่ต้องอดน้ำ อดอาหารอีกแล้ว เพราะพวกเขา ได้รับสถานทางการเมือง นักโทษในคุก กลายเป็นนักโทษทางการเมือง ที่ไม่ต้องรับความโหดร้าย จากพวกผู้คุมอีกต่อไป แต่เมื่อเขาเข้ามาใน คุกMaze แห่งนี้ เขาต้องการที่จะหนีออกไป เพื่อเจอหน้าลูกเมียข้างนอกคุก เพราะลูกของเขากำลัง จะเดินเส้นทางเดียวกับเขา พระเอกไม่อยากให้ลูก ต้องมาลำบากแบบเขา เขาจึงจำเป็น ที่จะต้องออกไปให้ได้ และเขาจะหนีออกไป จากคุกนี้ได้หรือไม่ ต้องมาติดตามดูกันครับ
นักแสดงหลัก : Tom Vaughan-Lawlor (ทอม วอห์น ลอว์เลอร์) รับบทเป็น แลร์รี , Martin McCana (มาร์ติน แม็คคานา) รับบทเป็น ออสการ์ , Barry Ward (แบร์รี่ วอร์ด) รับบทเป็น ผู้คุมกอร์ดอน
พล็อตหนัง
ในภาคนี้ หนังจะเล่าเรื่องของนักโทษที่ชื่อ แลร์รี นักโทษจากกลุ่ม IRA ที่เป็นนักโทษมนุษย์ผ้าห่ม คนสุดท้าย ซึ่งเมื่อเขามาถึงที่คุกนี้ เขาก็มีสถานะเป็น นักโทษทางการเมือง ไม่จำเป็นที่จะต้องทำการ ประท้วงอดอาหาร ไม่ตัดผม ไม่อาบน้ำ ไม่ใส่เสื้อผ้า แบบเดิมอีก ก่อนหน้านั้นแลร์รี เขาก็ได้ทำการประท้วงอดอาหารมาแล้ว แต่ไม่ตาย เพราะรัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงกฎหมายให้พวกเขาพอดี และคุกที่เขาได้เข้ามาอยู่ นั่นก็คือ คุกMaze ที่ว่ากันว่า เป็นคุกที่หนาแน่น และระบบความปลอดภัย สูงที่สุดในยุโรป ไม่เคยมีใครสามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้เลย ผู้คุมกอร์ดอน ได้พา แลร์รี มาส่งถึงห้องขัง แต่เมื่อมาถึง เขาได้สังเกตุเห็นว่า คู่อริของเขาที่ห้องอยู่ฝั่งตรงข้าม อยู่กันครบแก๊งค์ ซึ่งพวกนี้ก็คือ นักโทษรีพลับบลิกัน พวกมันเป็นนักโทษ ที่อยู่คนละฝั่งกับพวก นักโทษ IRA แต่แลร์รีก็ไม่ได้สนใจ เดินผ่านเข้ามาหาเพื่อน ที่เป็นฝั่งเดียวกับเขา นั่นก็คือ ออสการ์ ที่อยู่ฝั่ง IRA ด้วยกัน และเขาทั้งคู่ ก็ได้อยู่ห้องเดียวกัน
วันต่อมา ผู้คุมกอร์ดอน ได้พาเหล่าบรรดานักโทษ ให้ไปหาญาติ ที่มาเยี่ยมพวกเขา ซึ่งขณะที่ แลร์รี นั่งรถตู้มาที่อีกตึกหนึ่ง ในตอนนั้น เขาได้นับเวลาเอาไว้ในใจด้วยว่า ต้องใช้เวลากี่นาทีในการเดินทาง และจดจำเส้นทาง ในการเดินทางในคุกแห่งนี้ เพื่อที่จะนำไป วาดแผนผัง ของคุกแห่งนี้นั่นเอง จากนั้นแลร์รี ได้นำเรื่องที่เขาจะหลบหนีออกจากคุก นำไปปรึกษากับ ออสการ์ เพื่อนของเขา ออสการ์จึงได้ตอบตกลง ร่วมแผนในครั้งนี้ด้วย
ในระหว่างที่มีนักโทษฝั่ง IRA เข้ามาใหม่ ก็ได้มีพวกอริฝั่งตรงข้าม เข้าไปหาเรื่องน้องใหม่ ซึ่งก็ได้ทะเลาะตีกันวุ่นวายอยู่พักนึง ในตอนนั้น แลร์รีเดินเข้าไปถามกอร์ดอน เพื่อที่จะของานทำ เพราะนี่คือแผนของเขา ที่จะได้สอดส่องให้ทั่วทั้งคุกว่า ควรจะหนียังไง และสุดท้ายแลร์รี ได้งานถูพื้นที่ห้องส่วนกลาง เขามองเห็นห้องกล้องวงจรปิด ที่กอร์ดอนนั่งคุมอยู่ ซึ่งในห้องนั้น เป็นเหมือนห้องควบคุมระบบทุกอย่าง เมื่อรวบรวมข้อมูลได้แล้ว แลร์รี ได้กลับเข้าห้องขังไป แต่เพื่อนๆของเขา กลับไม่ชอบในวิธีที่แลร์รีทำนัก เพื่อนๆหลายคนคิดว่า ที่เราประท้วงเพื่อที่จะไม่เป็นทาสของพวกมัน เพื่อนๆของเรายอมตาย เพื่อที่จะไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ ซึ่งพวกเขาไม่เข้าใจ ในวิธีการที่แลร์รีได้วางแผนเอาไว้ แต่แลร์รีก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด และลงมือทำต่อไป ในตอนแรกถึงแม้แลร์รี จะชวนกอร์ดอนคุย เพื่อที่จะตีสนิทมากเพียงใด กอร์ดอนก็ไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้น ไม่คุยกับแลร์รีเลยแม้แต่คำเดียว
ตัดภาพมาที่กอร์ดอน ในวันหยุดของเขา เขาใช้ชีวิตอยู่กับลูกเมีย แต่ในระหว่างพักผ่อนนั้น ได้มีกลุ่ม IRA ที่อยู่ข้างนอกคุก หวังจะยิงลูกสาวของกอร์ดอน แต่เขาเห็นพวกนี้แต่แรกแล้ว จึงชักปืนยิงสวนพวกมันไป ทำให้ลูกสาวรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ลูกเมียของกอร์ดอน กลับหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ซึ่งเมียต้องการให้กอร์ดอนลาออกจากงานนี้ เพราะมันอันตรายต่อทุกคนในบ้าน กอร์ดอนไม่ฟัง เขายังยืนยันที่จะทำงานนี้ต่อไป
วันต่อมาตัดมาที่ แลร์รี เขาได้รับจดหมายจากลูกชาย ในจดหมายเขียนว่า ลูกของเขาก็จะเข้าร่วมกลุ่ม IRA เหมือนตัวแลร์รีเหมือนกัน แต่ตัวเขาเองกลับไม่พอใจอย่างมาก เขาไม่อยากให้ลูกชายของเขา ต้องเข้ามาทำอะไรแบบนี้ เพราะมันเสียเวลา ทีนี้แลร์รีจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับออสการ์ ออสการ์ได้ส่งข่าว ให้คนข้างนอกคุก ไปบอกกับลูกของแลร์รีในสิ่งที่แลร์รีได้พูดไป ว่าไม่อยากให้ลูกมาลำบาก
ออสการ์ได้ชวนเพื่อนของเขา มาร่วมเข้าแผนนี้ด้วย ซึ่งแลร์รีก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกในสิ่งที่เขาต้องการ ว่าอยากรู้รายละเอียดของคุกนี้ จุดแข็ง จุดอ่อน ให้มากที่สุด เพื่อนของออสการ์ จึงไปสืบข้อมูลมาให้แลร์รี เวลาผ่านมาสักพัก แลร์รีได้วาดรูปแผนผังของคุกนี้ เป็นรูปเป็นร่างมากพอสมควร
เมื่อกอร์ดอน กลับจากที่ทำงาน เขาก็พบว่าเมียกับลูกตัวเองนั้น หนีไปอยู่ที่บ้านญาติแล้ว เพราะกลัวเกิดเหตุการณ์แบบเดิมขึ้นอีก แต่กอร์ดอนก็ยังยืนยันที่จะทำงานต่อไป ต่อมาแลร์รียังวางแผนต่อไป คอยเฝ้าสังเกตุการอยู่ แต่เพื่อนๆของเขา ทั้งออสการ์และคนอื่นๆ ต้องการที่จะออกไปให้เร็วที่สุด แลร์รีได้ห้ามแล้ว แต่พวกเขาก็ยืนยันที่จะรีบออกไป ดังนั้นแลร์รีจึงไม่ได้ห้ามอะไร และได้เริ่มทำตามผานแรกอย่างรวดเร็ว
แผนอันดับแรกของแลร์รีนั่นก็คือพวกเขาจะต้องให้ฝั่งรีพลับบลิกันถูกย้ายไปอยู่ที่อื่นให้ได้เสียก่อน ไม่งั้นพวกเขาจะลงมือกันลำบาก เพราะพวกฝั่งคู่อริมันจะฟ้องผู้คุมเอาได้ แลร์รีจึงก่อเรื่องหาเรื่องยกพวกตีกันกับอีกฝั่ง จนพวกผู้คุมทนไม่ไหว ได้สั่งให้พวกอริของพระเอก ย้ายไปอีกตึกนึง แผนแรกจึงสำเร็จไปได้ด้วยดี
วันต่อมาเพื่อนของ ออสการ์ ได้ถูกปล่อยตัวออกจากคุกในวันนั้น พอเพื่อนเขาออกมานอกเรือนจำ เขาได้สังเกตุเห็นรถตู้คันหนึ่ง ที่วิ่งวนไปทั่วรอบเรือนจำ เขาจึงแอบขับตามไป เมื่อรถตู้ขับมาข้างนอกเรือนจำ ปรากฎว่ามันคือรถส่งอาหารให้กับเรือนจำ เพื่อนคนนี้ได้นำข้อมูลไปบอกออสการ์ พวกเขาได้แผนใหม่แล้วว่า หากหนีออกจากคุกนี้ โดยการแอบขึ้นหลังรถตู้ไป อาจจะง่ายกว่าการแหกคุกปืนกำแพงข้ามรั้วไปแบบโง่ๆ แลร์รี จึงรอจังหวะเพื่อรอรถตู้มาส่งอาหาร เขาอาสาขอเข้าไปช่วยขนของออกมาจากรถ และเขาก็ได้วัดขนาดรถว่าจะขึ้นไปได้กี่คน ปรากฎว่ารถตู้คันนี้สามารถขึ้นไปยืนเบียดกันได้สูงมากถึง 38 คน พวกเขาจึงวางแผนเพื่อจะยึดรถส่งอาหารต่อ
เรื่องเซอร์ไพร์ซก็เกิดขึ้น เมื่อลูกชายของ แลร์รี มาเยี่ยมเขาที่คุก พวกเขาสองพ่อลูกได้คุยกันด้วยความคิดถึง
แล้ว แลร์รี ก็ได้สัญญากับลูกของเขาว่า “เมื่อแกเรียนจบพ่อนี่แหละจะเป็นคนที่ไปนั่งในแถวหน้าสุด คอยยินดีกับแก พ่อสัญญา” ทั้งคู่ได้คุยปรับความเข้าใจกันเรียบร้อย และแลร์รีก็ได้เข้าไปคุยเรื่องอะไรกันบางอย่าง โดยที่ไม่บอกให้คนดูรู้ แลร์รีได้เผากระดาษที่เขาวาดแผนผังขึ้นมา เพื่อไม่ให้เหลือหลักฐานว่าแอบวางแผนแหกคุกกัน
แล้วพวกเขาก็เริ่มแผนการหลบหนี ทุกคนได้แยกย้ายไปทำงานตามปกติ และเพื่อนของออสการ์ก็เริ่มลงมือ พวกเขาเอาปืนจี้ผู้คุมตามจุดต่างๆ ละยึดเสื้อผ้ากางเกงนำมาใส่เพื่อปลอมตัว เพื่อจะได้ไม่ถูกจับตัวได้ง่ายๆ
ส่วนแลร์รี เขาอยู่ที่ตึกหลัก ตอนนี้เขาอยู่กับกอร์ดอน เขาชวนกอร์ดอนคุยไปเรื่อยเปื่อยเพื่อถ่วงเวลา ไม่ให้กอร์ดอน ไปดูกล้องวงจรปิดจากมอนิเตอร์บ่อยๆ เขาซื้อเวลาได้นานพอที่จะให้พวกเพื่อนๆคนอื่น ปล้นรถส่งอาหารได้สำเร็จ พวกนักโทษขึ้นไปหลบอยู่ในหลังรถตู้กันทั้งหมด เหลือเพียงแต่แลร์รีที่ยังไม่ได้ขึเนรถไป เขาคุยกับกอร์ดอนสักพัก กอร์ดอนก็ต้องขอตัวกลับก่อน เพราะเขามีธุระต่อ แลร์รีรู้ได้ทันทีว่างานเข้าแล้วแน่ๆ หากแลร์รีออกไปตอนนี้ เขาจะไปเห็นการหลบหนีในครั้งนี้อย่างแน่นอน
แต่ก็ไม่ทันแล้ว ขณะที่กอร์ดอนกำลังปั่นจักรยานออกมานั้น เขาก็ได้เจอกับชายคนหนึ่งที่ปลอมตัวเป็นผู้คุม แต่กอร์ดอนจำหน้าได้ เขาเลยวิ่งไปรวบชายคนนั้น และสู้กันอย่างดุเดือด ทุกคนเห็นท่าไม่ดี เลยรีบวิ่งออกจากรถตู้กันอย่างวุ่นวาย
และมีบางส่วนที่วิ่งหนีออกประตูไปได้สำเร็จ บางคนก็ถูกยิงตาย ตัดภาพมาที่แลร์รี นักโทษคนหนึ่งได้ถามกับเขาว่า ทำไมแลร์รีถึงไม่ออกไปกับพวกนั้น เขาตอบว่า “เขาไม่ได้จะหนีออกไปตั้งแต่แรก เพราะตัวเขาได้เจอกับลูกชายเขาแล้ว และได้เตือนลูกชายเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่อยากให้ลูกชายไปยุ่งเกียวกับ IRA ไปหมดเรียบร้อย เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหนีออกไป ถ้าหนีไปตอนนี้ เขาก็จะต้องหนีไปตลอดชีวิต จะไม่ได้ไปเจอครอบครัวแล้วแน่ๆ”
ตัดภาพมาที่เหล่านักโทษที่หนีออกไป บ้างก็หนีรอดเพราะมีเพื่อนขับรถมารอรับอยู่แล้ว บางคนก็หนีเข้าป่าไปแบบไม่มีจุดหมายเลยหนีไม่รอด กอร์ดอนรู้ว่าแลร์รีนี่แหละ ที่เป็นคนวางแผนในการหลบหนีครั้งนี้อย่างแน่นอน
เขาจึงไปหาแลร์รีและถามว่า ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่ทำไมไม่หนีไป เขาตอบว่า “ก็เกือบหนีแล้ว แต่ผมว่าถ้าผมออกไปจากที่นี่ดีๆ ผมก็จะได้อยู่กับครอบครัวสักที” กอร์ดอนก็ถามไปว่า แต่เพื่อนของฉันตายเพราะถูกเพื่อนนายฆ่าตาย รู้ไว้สะด้วย ไอ้เดรัจฉาน แลร์รีสวนไปทันทีว่า “เพื่อนผมทั้งสิบคนก็ต้องตาย เพราะอดอาหารเหมือนกัน คนพวกนั้นได้รับการชดใช้แล้ว ผมไม่หวังให้คุณเข้าใจเรื่องนี้หรอกนะ”
หลังจากนั้นกอร์ดอน ได้ลาออกจากการทำงานเป็นผู้คุมเรือนจำ เพราะเขาไม่ต้องการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกแล้ว
สุดท้ายนั้น แลร์รี ก็ได้ถูกปล่อยตัวพ้นโทษออกมา แต่เขาก็กลับไปอยู่กับพวก IRA อยู่ดี และเขาก็ถูกพวกทหาร ยิงตายเสียชีวิตคาที่ ในบ้านของเขาเอง ส่วนนักโทษทั้งหมดที่หนีออกไป 38 คน ทุกคนถูกจับตัวกลับมาที่คุกทั้งหมด ไม่มีใครหนีรอดแม้แต่คนเดียว เป็นอันจบเรื่อง
กำกับโดย : Stephen Burke
หนังฉายเมื่อ : 22 กันยายน 2017 (พ.ศ.2560)
ความยาวหนัง : 92 นาที
คะแนนรีวิว : 8/10